วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา


อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา


ายตาเป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล ลองคิดดูเล่นๆว่าเราใช้สายตาในการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอสมาร์ทโฟนในหนึ่งวันกี่ชั่วโมง หรือแม้แต่การเพ่งอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆก็ทำให้สายตาของเราอ่อนล้าได้ ไหนจะผลกระทบต่อดวงตาที่เกิดจากแสงแดดและหลอดไฟอีก อาหารบำรุงสายตาจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำให้สายตาที่อ่อนล้ากลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมใช้งานอีกครั้ง

foods-for-eye-health-934934

ผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การให้วิตามิน C วิตามิน E เบต้าแคโรทีน ธาตุสังกะสี และธาตุทองแดง มีประโยชน์ในการชะลอการเสื่อมมากขึ้นของผู้ป่วยที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป (Moderate Age-Related Macular Degeneration) ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่สารอาหารดังกล่าว จะเป็นอาหารบำรุงสายตา หรือบางคนอาจเข้าร้านซื้ออาหารเสริมมารับประทานก็ได้ เพราะจากการวิจัยของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารดังกล่าวมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเรารับประทานอาหารให้เหมาะสมโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมให้สิ้นเปลือง นั่นคือการรับประทานผักผลไม้ดังต่อไปนี
1.ผักบุ้ง : เป็นอาหารบำรุงสายตา ไม่ทำให้ปวดตา สายตาสั้น แสบตา ผักบุ้งมีทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้าแคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย นอกจากนี้ผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด การรับประทานผักบุ้ง หากผัดควรใส่น้ำมันให้น้อย แต่ถ้าลวดจะดีกว่าเพราะไม่มีน้ำมันที่ทำให้อ้วน หากรับประทานดิบก็ยิ่งมีประโยชน์มาก
2. แครอท : แครอทมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม นอกจากนี้มันก็ยังมีไวตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด เบต้าแครอทีนก็คือ ไวตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาดวงตา เพราะมีผลต่อปฏิกิริยาเคมีของดวงตาต่อแสง ไวตามินเอยังช่วยให้มีผิวที่ดีอีกด้วย และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆได้ดี

carrots

3.ฝักทอง : มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ระบบย่อยอาหาร บำรุงตับไต สร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าที่ตายไปแล้ว มีสารลูทีนป้องกันการเสื่อมของจุดหรือแสงสีของเรตินา มีวิตามินเอ
บำรุงสายตา มีเบตาแคโรทีนซึ่งมีสาร Antioxidant สูงจึงช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย
4.มะม่วงสุก : เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ฟอสฟอรัส ใยอาหาร ซึ่งเป็นอาหารบำรุงสายตาบำรุงเหงือกและฟัน ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ลดสิวและริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างดี ที่สำคัญมีรถชาติหอมหวาน อร่อย เป็นที่ติดใจของใครหลายคน
5.ตำลึง : เป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มีคุณค่าทางอาหารสูง ตำลึงเป็นพืชที่มีเบต้าแคโรทีนที่ดีที่สุด ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา ป้องกันไฟเบอร์ของเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง ป้องกันการเกิดต้อ เป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ จัดเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด ดังนั้น ที่กล่าวกันว่า “ตำลึงบำรุงสายตา” ก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ที่สำคัญเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านออกซิเดชัน ลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ยับยั้งการทำลายของออกซิเจนเดี่ยวและอนุมูลอิสระ ทั้งยังสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้

อาหารที่มีประโชน์ต่อสุขภาพปากและฟัน


อาหารเพื่อสุขภาพปากและฟัน


การดูแลรักษาสุขภาพของปากและฟันนั้นบางคนคิดว่าการแปรงฟันทุกวันหรือพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน ก็ถือว่าเพียงพอ แล้ว แท้จริงแล้วปากและฟันต้องการดูแลและเอาใจใส่มากกว่านั้น ซึ่งเราสามารถดูแลสุขภาพปากและฟันของเราด้วยตนเองได้โดย การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นตัวการทำให้ฟันผุ
         พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทย ส่วนใหญ่มักจะบริโภคอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก เช่น อาหารมื้อหลัก จะเป็นข้าวอาหารว่างมักเป็นขนมหวานหรือผลไม้ เป็นต้น ซึ่งอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฟันผุ ขบวนการที่ จุลินทรีย์ในช่องปากจะไปย่อยอาหารพวกแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดไปกัดกร่อนฟันทำให้ฟันผุขบวนการที่จุลินทรีย์สลาย น้ำตาลให้กลายเป็นกรดนั้นต้องใช้เวลา ดังนั้นการแปรงฟันบ้วนปากหลังรับประทานอาหารทุกครั้งจึงเป็นการควบคุมไม่ให้เชื้อโรค ได้เจอกับน้ำตาล วิธีนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดกรดไปกัดกร่อนฟันได้เช่นกัน
        ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงหรือลดความถี่ในการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาล หรือมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้เพื่อลดน้ำตาลที่เป็นวัตถุดิบให้จุลินทรีย์ และควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีน เช่น ถั่ว หรือผลไม้แทนการรับประทาน ขนมหวาน ควรรับประทานหลังมื้ออาหาร เพราะหลังอาหารจะมีน้ำลายออกมาช่วยชะล้างกรดที่เกิดขึ้น จากการย่อยสลายน้ำตาล ได้บางส่วน
 เคล็ดลับการรับประทานอาหารให้มีผลดีกับสุขภาพฟัน
1. การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผักและผลไม้บางชนิด เช่น แตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ จะช่วยทำความสะอาดฟัน
2.ควรดื่มน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม เพราะในน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลอยู่มาก หากหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ไม่ได้ควรดื่มน้ำอัดลมจะผ่านจากหลอดลงคอไปโดยตรงทำให้น้ำตาลในน้ำอัดลมมีโอกาสสัมผัสกับฟันน้อยกว่า การดื่มจากแก้ว
3. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟันและปาก เช่น อาหารที่มีวิตามินซี (Ascorbic Acid) ซึ่งมีความสำคัญ ในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก พบในผักสด ผลไม้สด ส้ม สับปะรด กะหล่ำปลี แครอท ผักคะน้า เป็นต้น
4.การรับประทานอาหารประเภทถั่วลิสง รำ ถั่วเหลือง มะม่วง จะมีวิตามิน บี2 (Riboflavinช่วยเรื่อง ของมุมปากแตกลิ้นอักเสบ เป็นต้น
5. ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็งมาก เช่น น้ำแข็ง กระดูก เพราะอาจทำให้ฟันสึกหรอและแตกได้
6.ไม่ควรรับประทานจุกจิกเพื่อลดการตกค้างของเศษอาหารในช่องปากที่จะเปลี่ยนเป็นกรด ซึ่งสามารถทำลายผิวเคลือบฟันทำให้ฟันผุ
7.ควรดื่มน้ำมากๆเพราะคนเราที่มีปากแห้งมีแนวโน้มที่จะมีกลิ่นปากและมีฟันผุมากกว่าคนทั่วไปที่เป็นดังนี้ เพราะขณะที่ปากแห้งเชื้อโรคในช่องปากจะเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนได้มากกว่าปกติเชื้อโรคเหล่านี้จะมีทั้งชนิด ที่สามารถผลิตสารที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และชนิดที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ

อาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง


20 อาหาร เพื่อสมองสดใส (Lisa)


          เมื่อเร็ว ๆ นี้เห็นมีข่าวเด็กไทย IQ ต่ำ เพราะว่าขาดไอโอดีน แต่รู้มั้ยว่านอกจากนั้นแล้ว สมองของเรายังต้องการสารอาหารอีกมากมาย เพื่อให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ

 1.บลูเบอร์รี่

          ลูกเบอร์รี่ต่าง ๆ คือหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา และบลูเบอร์รี่ก็ดีต่อสมองมาก ๆ เนื่องจากมีใยอาหารสูงแต่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่า ผู้ป่วยเบาหวานก็กินได้โดยที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเฉียบพลัน เคยมีการศึกษามากมายที่ชี้ว่า มันจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือให้เลี่ยงบลูเบอร์รี่เชื่อม หรืออบแห่งเท่านั้นล่ะค่ะ

 2.แซลมอนธรรมชาติ

          กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า-3 เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสมองมาก ไขมันที่มีประโยชน์นี้มีความเกี่ยวพันกับสติปัญญา ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทส่วนกลาง พัฒนาความจำ ทำให้อารมณ์ดี และลดโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า หรือโรคสมาธิสั้น แต่ถ้ามีโอกาสก็ให้เลือกแซลมอนตามธรรมชาติดีกว่าแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยงนะคะ

 3.ทับทิม

          คนรักทับทิมควรจะกินจากผลสด ๆ มากกว่าดื่มน้ำคั้น เพราะจะได้ใยอาหารด้วย ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับบลูเบอร์รี่ ซึ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับสุขภาพของสมอง เพราะสมองคืออวัยวะแรก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากความเครียด ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ช่วยระงับความเครียดได้จะดีต่อสมองเช่นกันนะคะ


กาแฟ

 4.กาแฟ

          เมล็ดกาแฟคล้ายกับเมล็ดโกโก้ตรงที่มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะผงกาแฟจากเมล็ดที่บดใหม่ ๆ จะมีประโยชน์ต่อทั้งสมองและร่างกายมาก ส่วนกาเฟอีนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสมองเช่นกัน การดื่มกาแฟเป็นประจำจะช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อมถอย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือโรคหลงลืมได้จริง แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามว่า ตกลงแล้วกาแฟมีประโยชน์หรือเปล่า ปัญหาอยู่ที่เรามักจะผสมกาแฟกับของที่ไม่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ครีม น้ำตาล ช็อกโกแลต หรือวิปครีม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มทั้งสารเคมีและไขมันให้แก่กาแฟ ความจริงแล้วเมล็ดกาแฟเป็นของปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นเอสเพรสโซ่เพียว ๆ ยิ่งดีต่อทั้งหัวใจและสมองเลยล่ะ

 5.ถั่ว

          ถั่วมีทั้งโปรตีน ใยอาหาร และไขมันที่มีประโยชน์ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อยู่ในถั่วจะทำให้เราแจ่มใสได้ ในขณะที่โปรตีนและไขมันจะช่วยให้พลังงานคงระดับตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอีซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง  แต่อย่างไรก็ควรหลีกเลี่ยงถั่วเหลือบน้ำตาล หรือปรุงรส ส่วนทางเลือกที่ดีก็มีตั้งแต่เฮเซลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัต และอัลมอนต์ ส่วนแมคคาเดเมียนั้นมีปริมาณไขมันมากกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ

 6.ทูน่า

          นอกจากจะเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 แล้ว ปลาทูน่า โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบเหลือง ซึ่งมีระดับวิตามินบี 6 สูงกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ วิตามินบี 6 นี้เกี่ยวพันโดยตรงกับความจำและสติปัญญา รวมถึงสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของสมอง โดยรวมแล้ววิตามินบีคือ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการรักษาอารมณ์ให้คงที่ แต่วิตามินบี 6 จะส่งผลต่อการรับสารโดพามีนที่เป็นหนึ่งในฮอร์โมนความสุขเหมือนกับเซโรโทนิน


ข้าวกล้อง


 7.ข้าวกล้อง

          ด้วยความที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ข้าวกล้องจึงดีมาก ๆ สำหรับคนที่แพ้กลูเธนเพื่อให้สุขภาพของหลอดเลือดหัวใจแข็งแรงขึ้น ยิ่งระบบไหลเวียนโลหิตของเราดีเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งเฉียบแหลมมากเท่านั้น

 8.ชาเขียว

          ชาเขียวนี้คือ มัตชะ ชาเขียวจากใบชาอ่อน ๆ ที่ผ่านกรรมวิธีบดด้วย หินตามแบบฉบับญี่ปุ่น เมื่อเราดื่มชาเขียวเหล่านี้เข้าไป ก็เหมือนกับเราดื่มใบชาเข้าไปทั้งใบ ผงชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลด์จึงทำให้มีสีเขียวสด เมื่อผสมเข้ากับน้ำร้อน (แต่ไม่เดือด) จะมีรสชาติฝาดนิด ๆ และเพียงแก้วเดียวก็ทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่งได้ ว่ากันว่า มัตชะคือเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้พระสงฆ์ญี่ปุ่นสามารถนั่งสมาธินาน ๆ ได้ แต่ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์แล้วมัตชะมีสารที่ชื่อว่า Catechin วิตามินเอและซี ฟลูออไรด์ และสาร L-Theanine ซึ่งช่วยในเรื่องสมาธิ แค่เฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียวก็มีมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 33 เท่า

 9.เมล็ดพืช

          ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดทานตะวัน เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ก็ล้วนมีโปรตีน ไขมัน วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุซึ่งช่วยเสริมสร้างสมองอย่างแมกนีเซียม

 10.ข้าวโอ๊ต

          ถ้ามันดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็แปลว่ามันดีต่อสมองของเราด้วย ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารและก็มีโปรตีนอยู่พอสมควร หรือแม้แต่โอเมก้า-3 ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง การกินข้าวโอ๊ตตอนเช้าจะช่วยให้เราแจ่มใส และไม่ง่วงนอนแม้ในยามบ่ายด้วย

 11.หอยนางรม

          ไม่ใช่หอยทุกชนิดจะเป็นอาหารสมองได้ แต่หอยนางรมน่ะใช่แน่ ๆ เพราะมีทั้งซีลีเนียม แมกนีเซียม โปรตีน และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพสมอง ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองพบว่า คนที่กินหอยนางรมมีความจำและอารมณ์ดีขึ้นด้วย

ผัก


 12.ผักใบเขียว

          ผักโขม คะน้า ปวยเล้ง บร็อกโคลี่ กวางตุ้ง ฯลฯ ไม่ว่าคุณจะชอบผักใบเขียวชนิดไหน ควรพยายามกินทุกวัน ผักใบเขียว อุดมด้วยธาตุเหล็ก ถ้าขาดธาตุเหล็ก ก็อาจมีโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น กลุ่มอาการขาอยู่ไม่เป็นสุข (Restless Legs Syndrome) อาการเหนื่อยล้า อารมณ์เสีย สมองตื้อตัน และปัญหาสภาพจิตอื่น ๆ

 13.มะเขือเทศ

          แม้ใคร ๆ จะรู้กันว่ากินมะเขือเทศแล้วผิวสวย แต่มะเขือเทศเองก็จัดว่าเป็นอาหารสมองชั้นดีเหมือนกัน เพราะมันมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่าไลโซปีน จึงช่วยป้องกันโรคหลงลืมได้ เพียงแต่ต้องผ่านความร้อนก่อนเพื่อให้เรารับไลโคปีนได้เต็มที่ อย่างนี้ก็หมายความว่าซอสมะเขือเทศ ก็มีประโยชน์น่ะสิ? จริง แต่ว่าซอสมะเขือเทศก็มากับน้ำตาล เช่นกัน หากเป็นไปได้ก็ทำอาหารเองจะดีกว่านะ

 14.น้ำมันมะกอก

          อย่าลืมว่าร้อยละ 60 ของสมองคือไขมัน ดังนั้น เราไม่สามารถมองข้ามไขมันไปได้ การศึกษาจำนวนมากชี้ว่า ถ้าไม่มีไขมันแล้วเราจะคิดอ่านไม่ชัดเจน อารมณ์แปรปรวน และอาจเป็นโรคนอนไม่หลับ การกินอาหารที่อุดมด้วยไขมันนั้นจำเป็นมาก ๆ ต่อสมองที่ปลอดโปร่ง ความจำที่ดี และอารมณ์ที่สมดุล ทั้งนี้ อาหารสำเร็จรูปขนมกรุบกรอบ หรือแม้แต่น้ำราดสลัดส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันอื่น ๆ ที่มีไขมันโอเมก้า-6 ตรงนี้ต้องคอยสังเกตไว้ ถึงจะชื่อว่าโอเมก้า-6 แต่ก็ไม่ใช่ไขมันที่ดี

 15.น้ำสะอาด

          เพื่อสมองที่แจ่มใส จะขาดน้ำเปล่าไปไม่ได้ อย่าลืมหาโอกาสจิบน้ำเปล่าตลอดทั้งวัน (และสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย) การดื่มน้ำเปล่ากับสูดอากาศจะช่วยเพิ่มพลัง และทดแทนออกซิเจนเข้าไปในเซลล์ ทำให้สมองของคุณไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากเกินไปนัก อย่างไรก็ตาม ต้องหลีกเลี่ยงน้ำหวานหรือน้ำอัดลม ของพวกนี้มีทั้งน้ำตาล และกาเฟอีนอยู่ในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเสพติดได้เลยทีเดียว

 16.ผงกะหรี่

          เครื่องปรุงนี้เป็นหนทางที่ดีในการเพิ่มรสชาติ ให้แก่สมอง ส่วนประกอบหลักในผงกะหรี่ คือขมิ้น และขมิ้นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย มันจะช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสมองและร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้ด้วย เพียงแค่เดือนละครั้งที่กินกะหรี่ก็มีผลดีต่อสมองแล้วล่ะ


ไข่


 17.ไข่

          มีทั้งโปรตีนและไขมันซึ่งให้พลังงานแก่สมองได้นานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ ซีลีเนียมในไข่ออร์แกนิกก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้

 18.โยเกิร์ต

          เป็นอาหารว่างที่ง่ายและมีประโยชน์ด้วยโปรตีนและแคลเซียม โปรตีนสำคัญมาก ต่อสารสื่อประสาทที่จะช่วยให้สมองแจ่มใส ส่วนแคลเซียมก็ช่วยในเรื่องของความจำ แต่ก็ต้องดูว่าโยเกิร์ตนั้น ไม่มีน้ำตาลมากเกินไป ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็ลองกินคู่กับธัญพืชต่าง ๆ เพื่อเป็นของว่างเมื่อไหร่ก็ได้ที่หิว

 19.ช็อกโกแลต

          ไม่ว่ารสชาติหรือประโยชน์ช็อกโกแลตก็ดีตรงที่มีสารช่วยกระตุ้นสมอง มีปริมาณกาเฟอีนในระดับที่พอเหมาะ เพิ่มสารเซโรโทรนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข นอกจากนี้ ดาร์กช็อกโกแลตยังมีใยอาหารจำนวนมาก (ยังจำกันได้มั้ย ใยอาหาร = หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง = สมองแข็งแรง)


กระเทียม

 20.กระเทียม

          ถ้าไม่สงสารคนนอนข้าง ๆ ก็กินกระเทียมสด ๆ เลย เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ กระเทียมเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่เพียงแต่มันจะมีชื่อเสียงในเรื่องการลดระดับคอเลสเตอรอล "เลว" และทำให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง กระเทียมยังช่วยส่งสารต้านอนุมูลอิสระไปที่สมองด้วย



Did You Know?

           แม้ว่าสมองจะหนักแค่ 2% ของน้ำหนักตัว แต่ก็ใช้สารอาหารและออกซิเจนถึง 20% ของทั้งหมดในร่างกาย

           การมองอนาคตในแง่ดีก็จะช่วยสมองได้ เนื่องจากเป็นการขับไล่ความเครียดและความวิตกกังวลในแง่หนึ่ง

           สมองเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย การออกกำลังจึงช่วยทำให้สมองแข็งแรงได้ด้วยเช่นกัน

อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย


อาหาร 10 อย่าง ที่กินดีต่อสุขภาพ (e-magazine)


          ในแต่ละวัน เรารับประทานอาหารมากมายหลายชนิด แล้วรู้หรือไม่ว่า อาหารแต่ละชนิดนั้นเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราหรือไม่ หรือว่ากินเพื่ออิ่มท้อง หรือกินเพราะเห็นว่าหน้าตามันน่ากิน ฯลฯ สารพัดเหตุผลที่เราเลือกรับประทานอาหารในแต่ละวัน 
          จริง ๆ แล้ว อาหารที่เรากินเข้าไปควรจะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายให้มากที่สุด เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้ย่อยสลายอาหาร และนำไปบำรุงในส่วนที่ต้องการเสริมสุขภาพให้ดีขึ้นซึ่งวันนี้เรามีวิธีการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาฝากกัน ใครที่รู้สึกว่ามีพฤติกรรมการกินไม่เหมาะสม กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าอยากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ก็จะดีมาก ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว สมกับคำกล่าวที่ว่า "ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐนั่นเอง"


 1. กินอาหารเช้า

          ว่ากันว่า มื้อเช้า ต้องกินอย่างราชา มื้อกลางวันให้กินอย่างคนธรรมดา และมื้อเย็นให้กินอย่างยาจก นั่นเป็นเพราะอาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะจะส่งผลต่อจิตใจและพลังชีวิตที่เราจะต้องเผชิญกับภารกิจไปจนตลอดวัน อีกทั้งการกินอาหารเช้า จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด รวมทั้งลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย


 2. กินปลามีประโยชน์

          พยายามจัดสรรเมนูปลา ถ้าสามารถรับประทานได้ทุกวันก็จะยิ่งดี โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เพื่อร่างกายจะได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ซึ่งจะไปเสริมสร้างเซลล์สมอง นอกจากนี้ปลา ยังเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ไขมันน้อย



อาหารเพื่อสุขภาพ

 3. ผักสารพัดสี มีประโยชน์จริง ๆ เลย

          เมืองไทยเราโชคดีที่มีผักสดให้เลือกรับประทานมากมายหลายชนิด และราคาไม่แพง ถึงแม้ว่าจะกลัว ๆ กันในเรื่องของยาฆ่าแมลง แต่สามารถดูแลได้ด้วยการแช่น้ำด่างทับทิมก่อนที่จะนำมาประกอบอาหาร 

          ผักสี ๆ อย่างเช่น สีส้มของแครอท สีแดงของมะเขือเทศ สีเขียวของบรอกโคลี สีม่วงขององุ่น ฯลฯ สีของผักแต่ละชนิด บ่งบอกถึงคุณค่าของสารอาหารที่แตกต่างกัน ดังนั้น การรับประทานผักเวียนไปให้ครบทุกสี โดยไม่เลือกรับประทานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมหมายถึงร่างกายของเราก็จะได้รับประโยชน์จากสารอาหารหลากหลายประเภทตามไปด้วย


 4. กินอาหารเสริมแคลเซียม

          ไม่ว่าจะเป็นการดื่มนม หรือกินปลาเล็ก ปลาน้อย ที่สามารถเคี้ยวได้ทั้งก้าง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เพื่อให้สารอาหารเหล่านั้นไปช่วยสร้างเสริมกระดูกให้แข็งแรง


 5. งดกินขนม และของกรุบกริบ

          โดยเฉพาะขนมหวาน ๆ เบเกอรี่ อย่าพยายามซื้อติดตู้เย็น หรือวางไว้ข้างโต๊ะทำงานเป็นอันขาด เพราะจะเผลอหยิบใส่ปากแบบไม่ตั้งใจ หาผลไม้ที่มีกากใย เพื่อช่วยให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณสวย สดใส


ข้าวกล้อง


 6. เปลี่ยนข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้องและธัญพืช

          เดี๋ยวนี้หาซื้อได้ไม่ยากเลย การรับประทานข้าวกล้องและธัญพืช จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ที่สำคัญคุณค่าของสารอาหารอุดมไปด้วยไฟเบอร์ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องควบคุมน้ำตาลในเลือด และลดคอเลสเตอรอล


 7. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร

          เรื่องน้ำมันในการปรุงอาหาร ถ้าเป็นคนที่ชอบซื้อจากร้านมาทาน ก็คงไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไร ซึ่งจริง ๆ แล้ว น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร ก็มีผลต่อสุขภาพเหมือนกัน แต่เราคงไปเจ้ากี้เจ้าการกับร้านค้าไม่ได้ แต่ถ้าเราปรุงอาหารทานเอง ก็แนะนำให้ เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำมัน

          จากที่เคยใช้น้ำมันพืชทั่วไป เปลี่ยนไปใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เพราะไขมันที่ได้จากน้ำมันพืชเหล่านี้ เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นไขมันอิ่มตัว ซึ่งช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี


ดื่มชา

 8. ดื่มชา เพื่อสุขภาพ

          น้ำชามีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ให้บ้วนปากด้วยน้ำชา จะช่วยลดแบคทีเรียในปาก ลดอาการฟันผุ และน้ำชายังช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30% เลยทีเดียว


 9. ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ

          น้ำคือชีวิต ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% และมีการสูญเสียน้ำหลายทาง อย่างเช่นปัสสาวะ และเหงื่อ ฯลฯ การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรนอกจากจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ผิวพรรณสดใสแล้ว ยังช่วยรักษาระดับความเข้มข้นของเลือดได้อีกด้วย


 10. ถั่ว กินดีมีประโยชน์

          เพราะถั่วอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ จะดัดแปลงเป็นน้ำเต้าหู้ หรือถั่วแระต้ม ก็ได้รับประโยชน์ที่ดีมากพอ ๆ กัน

          สารพัดวิธีที่เป็นเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับการกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าทำได้ครบทุกข้อล่ะก็ ขอบอกได้เลยว่า จะต้องมีอายุยืนแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อาหารที่มีประโยชน์

อาหารมีประโยชน์กับมนุษย์อย่างไร
content/picdata/59/data/real.jpg

อาหารเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ อาหารหลายหลากชนิด ก็มีทั้งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และบ้างก็เป็นโทษมีคำกล่าวว่า



"คุณจะเป็น เช่นอาหารที่รับประทาน"  คือ ถ้ากินอาหารดีมีประโยชน์ ก็ทำให้สุขภาพดี ปลอดโรค หากรับประทานอาหารไม่ดี เช่น อาหารที่มีสารปนเปื้อนอาหารขยะ ก็จะพลอยให้ร่างกาย เจ็บป่วยไปด้วย การรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย - ในแต่ละวันเราต้องรับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายจะได้เจริญเติบโตและมีความแข็งแรง และต้องรับประทานอาหารอย่างน้อยวันละ 3 มื้อ และควรรับประทานอาหารเฉพาะอาหารทีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และต้องเลือกรับประทาน
ให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละมื้อ อาหารหลัก 5 หมู่ ที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อ ก็มีประโยชน์มีคุณค่าแตกต่างกันออกไปดังนี้

1. เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว
อาหารจำพวกนี้จะช่วยในการสร้างเสริมกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเราเจริญเติบโตและ
มีความแข็งแรง
2. ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มันอาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่ คนจะรับประทานทุกวัน โดยเฉพาะข้าวเพราะคนไทยรับ
ประทานข้าวเป็นอาหารหลัก อาหารชนิดนี้จะให้พลังงานแก่ร่างกายเพื่อใช้ในการทำงาน ใช้ในการเรียนและใช้ในการเล่น
3. ผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ เช่น คะน้า ผักบุ้ง เป็นต
อาหารชนิดนี้จะช่วยให้เราแข็งแรง ไม่เป็นโรคง่ายและที่สำคัญจะทำให้เราท้องไม่ผูก
คนที่รับประทานผักเป็นประจำ จะทำให้ระบบขับถ่ายดี
4. ผลไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ส้ม กล้วย มะม่วง มะละกอ เป็นต้น
อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่รับประทานง่ายและก็หารับประทานได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง
ผลไม้จะช่วยบำรุงสุขภาพของเรา ทำให้นัยย์ตาและผิวหนังสดชื่นไม่แห้ง ป้องกันโรคต่างๆ และที่สำคัญช่วยทำให้ท้องไม่ผูก
5. ไขมันจากพืชและสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว และเนย เป็นต้น
อาหารชนิดนี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของเรา